วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

๔๒.แค่ไปเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ กลับกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

  

บางคนอาจจะได้รับรู้ข่าวนี้... จากสื่อต่างๆ มาบ้างแล้ว แต่ขอเอามาให้อ่านอีกทีก่อนอ่านเรื่องที่ผมเขียนไว้ข้างล่างนะครับ 


http://www.moph.go.th/ops/iprg/iprg_new/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=22018


“วิทยา” สั่งสอบข้อเท็จจริง เหตุผู้พิการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา 

  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งผู้ตรวจราชการสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ป่วยท่อนล่างพิการ กลายเป็นเจ้าชายนิทรา หลังเปลี่ยนท่อปัสสาวะที่ร.พ.บางละมุง จ.ชลบุรี ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่ และกำชับโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพิ่มการสื่อสารกับผู้ป่วยและญาติให้เข้าใจมาตรการและผลการรักษา 

    จากกรณีที่น.ส.สำราญ เอี่ยมกลั่น อยู่บ้านเลขที่ 22/1 หมู่ 1 ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ได้ร้องเรียนสื่อมวลชนว่าน้องชายคือนายสมบัติ เอี่ยมกลั่น อายุ 28 ปี ซึ่งพิการท่อนล่าง ต้องเปลี่ยนท่อปัสสาวะทุก 15 วัน โดยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2552 ร.พ.บางละมุงเปลี่ยนท่อปัสสาวะผิดพลาด ทำให้น้องชายกลายเป็นเจ้าชายนิทรา จึงร้องต่อแพทยสภา และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายกับโรงพยาบาลนั้น 

    ความคืบหน้าในเรื่องนี้ นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ร.พ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสาเหตุที่ทำให้นายสมบัติ เอี่ยมกลั่น เป็นเจ้าชายนิทรา เป็นการด่วน เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และให้เภสัชกรมานิตย์ อรุณากูร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด และรายงานผลให้ทราบ ขณะเดียวกันได้กำชับให้แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ให้ความสำคัญกับการพูดคุย ชี้แจงแนวทางการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยและญาติให้เข้าใจทุกครั้ง เนื่องจากขณะนี้ประชาชนมีความคาดหวังต่อบริการการแพทย์และสาธารณสุขสูง หากทุกฝ่ายสื่อสารกันด้วยเหตุผลอย่างดี มีความเข้าใจตรงกัน ก็จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น เพราะแพทย์มีความตั้งใจที่จะให้การรักษาผู้ป่วยทุกรายให้หายเร็วที่สุด 

    ทางด้านนายแพทย์มารุต จิรเศรษฐศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายแพทย์ประสิทธิ์ จิตติวัฒนพงศ์ ผู้อำนวยการร.พ.บางละมุงว่า ร.พ.บางละมุงได้รับตัว นายสมบัติ เอี่ยมกลั่น เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2552 โดยเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะให้ หลังจากนั้นมีเลือดออกจากสายสวน จึงเปลี่ยนสายใหม่ ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องคล้ายปวดปัสสาวะมาก จึงส่งรักษาต่อที่ร.พ.ชลบุรี แต่ญาติต้องการนำผู้ป่วยไปรักษาที่ร.พ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ร.พ.ชลบุรีจึงส่งตัวให้ ซึ่งร.พ.สมเด็จพระบรมราชเทวีฯ ได้ถอดสายสวนปัสสาวะเดิมออกแล้วใส่เส้นใหม่ให้สามารถระบายปัสสาวะออกมาได้ ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น และแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่ร.พ.จุฬาลงกรณ์ เพราะเกรงว่าจะเกิดภาวะเลือดอุดตันในสายสวนปัสสาวะ เมื่อไปถึงร.พ.จุฬาลงกรณ์ ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ความดันโลหิตปกติ มีไข้ต่ำๆ ได้พบแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งได้ใส่สายสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ ขณะนั้นผู้ป่วยเกิดภาวะเกร็ง หายใจลำบาก เกิดภาวะช็อก ได้ทำการปั๊มช่วยหายใจ และรักษาตัวในห้องไอซียู

    หลังจากนั้นในวันที่ 5 และ 6 มกราคม 2552 ทีมงานร.พ.บางละมุงได้ไปเยี่ยมผู้ป่วย พร้อมพูดคุยกับคณะแพทย์และญาติ และมอบเงินช่วยญาติเบื้องต้น 10,000 บาท ขณะเดียวกันได้เดินทางไปมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการที่นายสมบัติทำงานอยู่ เพื่อทำความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะชดเชยด้านมนุษยธรรม ตามมาตรา 41 ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ.2545 จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี จะจัดประชุมเพิ่มศักยภาพการส่งต่อผู้ป่วยให้ดียิ่งขึ้น และจัดประชุมวิชาการ เรื่อง “เทคนิคการดูแลผู้ป่วยที่ใส่สายสวนปัสสาวะหรือคาสายสวนปัสสาวะเป็นเวลานาน ให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุขที่จะต้องดูแลผู้ป่วยลักษณะนี้ โดยมอบให้ร.พ.ชลบุรีจัดประชุมในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 นี้ และให้ร.พ.บางละมุงจัดประชุมให้ความรู้กลุ่มผู้พิการด้วย 

    *********************************** 25 มกราคม 2552 


  • แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ 
    ผู้จัดทำ.... ฝ่ายข่าวและสื่อมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มสารนิเทศ 
    [25/ม.ค/2552

    ผมเป็นคนหนึ่งได้รับทราบเรื่องราวของ สมบัติ เอี่ยมกลั่น(บัติ) มาตั้งแต่ออกจากบ้านที่ จ.สิงห์บุรี มาฝึกทักษะการดำรงชีวิตที่ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ จ.ชลบุรี เมื่อ กว่า ๓ ปีที่แล้ว


    จำได้ว่า...ตอนที่พบบัติใหม่ๆ เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ดูเขินๆ เวลาที่พบคนแปลกหน้า  ยังไม่ค่อยรู้จักวิธีดูแลตนเองในสภาพความพิการมากนัก การแต่งเนื้อ แต่งตัวยังคล้ายคนพิการที่ไม่ค่อยได้ออกมานอกบ้าน

    "บัติ"เข้ามาฝึกทักษะการช่วยเหลือตัวเองที่ศูนย์ฯอยู่พักหนึ่ง จึงสมัครเข้าเรียนด้านคอมพิวเตอร์ ที่ รร.อาชีวพระมหาไถ่ พัทยา จนจบหลักสูตร เวลา ๒ ปี แต่เนื่องจากเป็นคนพิการรุนแรงที่ไม่สามารถใช้มือ และนิ้วได้ ครอบครัวจึงต้องจ้างผู้ช่วยเหลือส่วนตัวช่วยบัติทำกิจวัตรประจำวัน ตลอด ในระหว่างที่เรียน

    หลังจากเรียนจบเมื่อปีที่แล้วก็มายึดอาชีพ นักพัฒนาซอฟท์แวร์และทำเว็บไซต์ http://www.sombut.com และสอนคอมพิวเตอร์วันอาทิตย์

    กว่า ๓ ปี...ที่ชีวิตคนพิการหนึ่งคน จากเคยท้อแท้หมดหวังในชีวิต กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง มีอาชีพ มีรายได้ สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่่เป็นภาระแก่ครอบครัว แต่วันนี้ กลับต้องมาเป็นคนที่พิการหนักถึงขนาดเป็นเจ้าชายนิทรา

    มีโอกาสไปเยี่ยมครั้งแรกตั้งแต่หลังวันที่เกิดเหตุ และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอีกครั้ง ครั้งหลังนี้ "บัติ"ดูซูบผอมลง และมีอาการปอดติดเชื้อแทรกซ้อนเข้ามาหลังจากออกจากห้องไอซียู ทำให้มีไข้สูงตลอดเวลา พี่ๆ น้องๆ ต้องผลัดกันลางานมาดูแล เช็ดเนื้อ เช็ดตัว ทั้งกลางวัน กลางคืน 

    สำหรับกรณีของสมบัติ... ยังไม่รู้ว่าจะจบลงที่ตรงไหน พวกเราแอบหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้ฟื้นกลับขึ้นมาในเร็ววัน หรือจะเป็นเจ้าชายนิทราไปอีกนานแค่ไหน อีกทั้งจะได้รับการรับผิดชอบ ช่วยเหลือ เยียวยา ให้คุ้มค่าชีวิตคน ๑ คนที่พลิกผันไป ได้อย่างไร ขนาดไหน 

    แต่จากนี้ไป.....การเปลี่ยนสายปัสสาวะ ที่เคยบอกว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ถ้าทำตามขั้นตอนที่ร่ำเรียนกันมา คงไม่ใช่เรื่องที่ทำกันแบบไม่ระวัง ไม่ได้ต่อไปแล้ว เพราะแม้ว่าจะเคยเกิดอุบัติเหตุกันมาบ้าง  แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีความรุนแรงได้ถึงขนาดนี้มาก่อน...

    ถึง.......................บัติ 

    ตอนนี้เวบไซต์ http://www.ilchonburi.org/ ที่บัติทำไว้ และบอกจะมาปรับปรุงให้หลังปีใหม่ ยังคงรอบัติกลับมาทำอยู่นะ  อีกทั้งรถไฟฟ้าสีน้ำเงินคันงาม คันนี้ ที่เคยบอกให้พี่ยืมมาทดลองใช้เมื่อ ๒ ปีก่อน แล้วพี่ปฏิเสธไปน่ะ วันนี้พี่จะขอยืมแล้วนะ เพียงแต่ "บัติ" ต้องตื่นขึ้นมาบอกพี่ด้วยตัวเองนะ

    เคยเห็นบัติ เขียนใน MSN บ่อยๆ ว่า "พรุ่งนี้จะเช้าไหมหนอ"  นึกแปลกใจอยู่ แต่ไม่เคยถามเลยว่า บัติคิดอะไรอยู่  ถึงวันนี้คงไม่สงสัยอะไรแล้ว อยากบอกว่า "ตื่นได้แล้ว  บัติ เช้าแล้ว..."

     พี่ชัย

     

     



    ฤดูที่แตกต่าง - บอย โกสิยะพงศ์

    3 ความคิดเห็น:

    1. ไม่ระบุชื่อ29 มกราคม 2552 เวลา 22:55

      ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล

      ตอบลบ
    2. ไม่น่าเชื่อว่าแค่เปลี่ยนสายจะเกิดเรื่องร้ายแรงตามมา

      ตอบลบ
    3. ไม่ระบุชื่อ30 มกราคม 2552 เวลา 13:35

      หลังจากคุณบัติเกิดเหตุ และผมได้รับฟังเรื่องราวผ่านพี่ชัยได้เพียง 1 สัปดาห์ อีก 1 สัปดาห์ต่อมา วันอาทิตย์ที่ 18/1/09 ก็เกิดเหตุการณ์กับผมคล้ายของคุณบัติ คือ ม้าไพเปลี่ยนสายสวนให้ผมทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เลือดออก ทางผมจึงรีบไปโรงพยาบาลที่ไปประจำ นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดกับคุณบัติ ก็ทำให้พลอยระแวงไปไม่ได้ อีก 1 อาทิตย์ผมก็ต้องไปดูอาการอีกครั้ง เพราะครบ 3 สัปดาห์ตามที่คุณหมอนัด โอมเพี้ยง ของอย่าให้เป็นอาการที่เกิดจากการสันนิษฐานเลยเถอะ เพราะผมไม่อยากผ่าช่องท้องครับ

      ส่วนเรื่องของคุณบัติ ผมเอาใจช่วยคณะทำงานนะครับ และมีข้อเสนอว่า ควรจะทำเคสของคุณบัติให้เป็นเอกสารเชิงวิชาการ เพื่อเป็นความรู้ และข้อควรระวังกับกลุ่มผู้พิการเดียวกันครับ

      ขอบคุณครับ
      ปรีดา ลิ้มนนทกุล

      ตอบลบ