วันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

๑๐.ไปจัดกลุ่มสนับสนุนคนพิการช่องแสมสาร...(เที่ยว...ต่อ)

ขับรถตามพี่มนตรีไปไม่ถึงอึดใจก็ถึงทางเข้า ลืมบอกไป...วิหารหลวงพ่อดำอยู่บนเขา ริมทะเล ช่องแสมสารเลย ทางขึ้นจึงต้องมีเลาะเลี้ยวขึ้นเขาช่วงสั้นๆ แต่เป็นช่วงที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมาก มองเห็นเกาะใหญ่น้อย ไล่ระดับกันไกลสุดตาเลย

ชั่วอืดใจเดียว วิหารหลวงพ่อดำก็อยู่ตรงหน้า ลักษณะเหมือนโบสถ์เก่าแก่ ดูขลัง ขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างอยู่บนยอดเขาที่ช่องแสมสาร ซึ่งเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล

ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นจุดที่เห็นวิวทะเล ได้เกือบทุกด้าน ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของ องค์หลวงพ่อดำ อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวช่องแสมสาร

ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นชาวประมง มีความเสี่ยงทางอาชีพสูง ที่ออกทะเลไปแต่ละครั้ง ทั้งการจะได้ปลามาคุ้มทุนหรือไม่ แล้วไหนยังความไม่แน่นอนของคลื่นลมทะเลอีก
ดังนั้นเวลาออกทะเลจึงมักมาบนบานต่อหลวงพ่อดำ แล้วแก้บนโดยการจุดประทัดถวาย


ร่ายซะยาวเลย กลับมาเรื่องผมต่อดีกว่า ขึ้นไปแล้ว มองไป มองมา ไม่เห็นใครช่วยเอาลงจากรถเลย เลยได้แค่นั่งชมวิวได้แค่บนรถ สักพัก พี่มนตรี ชวนว่า อาหารทะเลแถวนี้ สดและไม่แพงด้วย สนใจไหม สนครับ นำไปเลยพี่ (เอาอีกแล้ว ใจง่ายจริง...เรา)


ขับรถตามกันลงจากเขามา ไม่ถึง ๑๐ นาที ก็ถึงร้านอาหารเล็กๆ ติดริมทะเลร้านหนึ่ง บรรยากาศดีใช้ได้เลย ที่สำคัญ.... มีทางลาดสำหรับคนพิการด้วย! (ทันสมัยจริงๆ) ขึ้นร้านได้แล้วจากความช่วยเหลือของพนักงานของร้าน ที่บริการด้วยความเป็นกันเองดี พี่มนตรีโทรตาม"ปุ้ย"ซึ่งเป็นคนพิการในพื้นที่มา ปุ้ยเป็นอัมพาตจากอุบัติเหตุจราจร(อีกแล้ว) ระดับ ซี๕ ถือว่าพิการมากอยู่

แต่ทุกวันนี้ ปุ้ย(ในรูป) ก็ยังมีชีวิตเป็นอิสระ เป็นลูกทะเลตัวจริง(สังเกตุได้จากอวนที่รัดขาอยู่ โดนจับมาจากทะเลจริงๆ) มีเรือประมงขนาดย่อมๆ และทำหน้าที่เป็นไต๋เรือด้วยตัวเอง คุมลูกเรือออกหาปลาอยู่ประจำ


นั่งรอสักครู่ แดงแฟนปุ้ยก็ขี่ซาเล้ง(มอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง)มา โดยมีปุ้ยก็นั่งบน Wheelchair(รถเข็นคนพิการ) ประกบอยู่บนพ่วงข้าง


อาหารที่นี่รสชาติ พอใช้ได้ครับ แต่สดจริงๆ (พอดีพ่อเคยสอนมาบ้าง เลยพอรู้) สั่งมา ๔-๕ รายการ แต่เมนูที่น่าสนใจ คือ ยำไข่แมงดาทะเลครับ เพราะ ไม่เคยเห็นที่ไหนเลย ที่เอาแมงดามาเสิร์ฟเป็นตัว.....! เลย แมงดาทะเล เป็นสัตว์เก่าแก่ยุคไดโนเสาร์ หน้าตาคล้ายๆ จานบิน มีหางแหลมๆ ซึ่ง ขณะนี้ นอนหงายท้องแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะ มีขายุ่บยั่บ พร้อมกับหางยาวๆ แหลมๆ แล้วมีน้ำยำกับเครื่องมาอีกจาน ต่างหาก เวลากินก็ต้องแคะเอาไข่ออกมามาคลุกน้ำยำข้างนอก (ปุ้ยบอกคนแถวนี้เขากินกันแบบนี้แหละ)

เพิ่งเคยเห็น เวลาเขาแคะไข่แมงดาออกมาจากตัวนี่แหละ ไข่มันเยอะมากๆ เลย เยอะขนาด ว่า ถ้าทำแบบร้านอื่น ได้ ๓-๔ จานเลยทีเดียว ส่วนรสชาติ ก็อร่อยดีเหมือนกันครับ แต่กินจากตัวแบบนี้เลย บอกอารมณ์ไม่ถูก....จริงๆ ครับ


นั่งกินไป คุยไปอยู่จนฟ้าเริ่มมืด ดูนาฬิกา โห.. ทุ่มครึ่งแล้วอะ กลับดีกว่า บ้านเราก็ไกลกว่าคนอื่นด้วยสิ แถมเส้นทางจากสัตหีบถึงพัทยาก็ค่อนข้างเปลี่ยว จึงเรียกคิดเงิน แล้วลาทุกคนกลับ โดยมีน้องพนักงาน ช่วยกันเอาขึ้นรถอีกเช่นเดิม แหม....คนแถวนี้ มีน้ำใจจัง ไว้ต้องหาโอกาสมากินใหม่แล้วละ


วันนี้เหมือนรายการ พากิน พาเที่ยวเลยแฮะ ชอบ ไม่ชอบ ยังไง ช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ:)

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1 มีนาคม 2551 เวลา 12:06

    เอไม่รุ้ว่าจะมีคนฉลาดน้อยกว่าเราป่าวนะ แต่อยากรุ้ว่าวีลแชร์ เนี่ยะมันคือไรอ่ะ บทนี้ก้อเขียนได้ดีนะ แต่ว่ามันจบแบบลอย ๆ อีกแล้ว เลยไม่รู้ว่าบทนี้จะยังมีต่อ หรือจบแล้วกันแน่น่ะ

    ตอบลบ
  2. บทความนี้ เน้นทำให้น้ำลายหก รวมๆ แล้วก็เป็นการเขียน ถึงสิ่งที่อยากจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ดังนั้น ผมว่าก็ถือว่าเป็นการเริ่มที่ดีในภาพรวม จากนั้นก็อยู่ที่ชั่วโมงบินแล้ว คงพัฒนาต่อได้อย่างแน่นอนครับ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับ ทุกๆ ความเห็นเป็นกำลังใจ

    ตอบลบ
  4. Wheelchairคือรถเข็นนั่งสำหรับคนพิการครับ(ตอบให้กับความคิดเห็นแรก)
    อ่านและเห็นรูปแมงดาเผาแล้วน้ำลายสอ นึกถึงสมัยเรียนอยู่มศว.บางแสน เคยส่งมากินตอนนั้นตัวละ30มั้ง ได้เยอะกว่าแบบยำเป็นจานๆอีกจริงๆด้วย
    จาก แหลม อุบลฯ

    ตอบลบ