วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2551

๑๗.สงกรานต์ในอดีต (ของผม)

ช่วงนี้...มีแต่คนพูดถึง "สงกรานต์" เลยขอไม่ตกกระแสด้วยคนนะครับ แต่เป็นสงกรานต์ของผมเอง
ช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านๆ มา มักจะเป็นวันที่ผมได้ไปเที่ยวนอกบ้าน ทุกปี


เมื่อก่อน ออกจากบ้านปีละ ๒-๓ ครั้ง (ชีวิตช่วงนั้น อยู่แต่ในห้อง แทบไม่เคยเห็นท้องฟ้าเลย ออกมาเจอแดดอ่อนๆ ตอนเช้า ยังต้องหยีตาเลย แม้ว่าตา จะเป็นเม็ดก๊วยจี๊อยู่แล้วก็เหอะ)

ฉนั้น คืนก่อนออกจากบ้าน จะตื่นเต้นซะ...จนบางที นอนไม่หลับเอาเลย เอาละ...หลังจากผ่านคืนอันยาวนาน เช้า ก็มาถึง แปรงฟัน เช็ดตัว เหมือนทุกวัน วันนี้ แตกต่างหน่อย ตรงที่ ใส่เสื้อผ้า ครับ (เพื่อความสะดวก ต่อการทำกิจวัตรประจำวัน อยู่บ้าน แค่ห่มผ้าไว้เฉยๆ ก็พอแล้ว ไม่ค่อยได้เจอคนอื่นเลยนี่ มีแต่คนกันเองทั้งน้านนนน แฮ่.....)

เสื้อผ้า ตอนนั้น ที่มีอยู่ แค่ตัว ๒ ตัว เป็นเสื้อยืด ของแถม จากก๊อกน้ำ ยี่ห้อต่างๆ ที่ขายในร้านแม่ กางเกงก็ใส่ กางเกงหูรูด ทรงคนป่วยในรพ. ที่อาเย็บให้ตั้งแต่ตอน กลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ

ส่วน รองเท้า ไม่เคยใส่ ตั้งแต่พิการแล้วครับ แต่วันที่จะไปนั่งรถ เลยใส่ถุงเท้าซะหน่อย กันเสียดสีกับพื้นรถ จะเป็นแผล เพราะผิวหนังที่เท้าบางมาก (พูดแล้วก็อาย เรื่องการแต่งตัวของตัวเอง...ก็ตอนนั้น ยังไม่รู้ว่า คนพิการหนักๆ แบบเรา แต่งตัว เหมือนคนทั่วไปได้ นี่นา)

"ชิด" พนักงานที่แข็งแรงที่สุดในร้านของแม่ ปกติจะมีหน้าที่ ขับรถส่งของ แบกเหล็ก ที่ร้าน แม่(ตรงนี้คงรับประกันความแข็งแรงได้) ขึ้นมาที่ห้อง เพื่อ "อุ้ม"ผม ขึ้นรถและขับรถ พาพวกเราไปเที่ยว

วิธี คือ สอดแขนข้างหนึ่งช้อนตรงหลัง ใต้รักแร้ ส่วนอีกข้าง ช้อนใต้เข่า แล้วอุ้มจากห้องผม บนชั้นลอย เดินลงบันได ผ่านร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างของแม่ ที่มีของวางระเกะระกะ จนเหลือที่เดินพอดีตัว เอาไปวางบนรถยนต์ที่จอดรอไว้หน้าบ้าน

บ้านเดิมผม เป็นอาคารพานิชย์ (ตึกแถว) ห้องเดียว กว้าง ๔ เมตร แต่ ค่อนข้างลึก ระยะที่ผมต้องถูกอุ้ม จึงไกลพอสมควร ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ จึงต้องแข็งแรงมาก

ขึ้นรถได้แล้ว... ไปเที่ยวกัน ตื่นเต้นชะมัด นานๆ เห็นรถยนต์ ถนน อาคารบ้านช่อง รวมทั้งผู้คน(โดยเฉพาะสาวๆ)ซะที

ปีแรกก็จะเริ่มจากใกล้ๆ ก่อน งั้น แค่บางแสน ก็พอ เผื่อนั่งรถนานๆ ไม่ไหว ปรากฎว่า...เจอ รถติด เขาปิดถนนริมหาด เล่นสาดน้ำกัน แรกๆ ก็ ตื่นตาตื่นใจดี พอติดนานเข้า ชักเบื่อ ก็ติดเป็นตังเมขนาดนั้น ติดอยู่ ๓-๔ ชั่วโมงแน่ะครับ ขยับทีละนิด กว่าจะหลุดมาได้ ก็ตกเย็นแล้ว พ่อเลยพาไปกินข้าวร้านจรินทร์ ร้านประจำตอนเด็ก (ก่อนถึงวงเวียน แถวต้นหาดบางแสน) ก่อนกลับบ้าน

ตอนนั้น ตั้งแต่พิการ ไม่เคยลงไปนั่งในร้านเลย นั่งรถเข็นไม่เป็นด้วย อายคนอีกต่างหาก จึงใช้ธี ตักใส่จานมาป้อนบนรถ ทุกครั้งที่กินข้าวแบบนี้....มักจะมีเด็กเสริฟ หรือแขกในร้านมองด้วยความงุนงง สงสัยละครับ หมอนี่เป็นอะไร ทำไมไม่ลงมากินในร้านเหมือนชาวบ้าน ชาวช่อง เขา

โห.....ที่ออกมาผมก็อายผู้คนจะแย่อยู่แล้ว ยังมาจ้องเราอีก กับข้าวก็ไม่ได้เลือกสิ่งที่อยากิน รีบกินดีกว่า เสร็จแล้วจะได้กลับบ้าน อุ้มขึ้นที่นอน หมดไป ๑ วัน แต่เป็นวันที่รู้สึกแตกต่างจากทุกๆ วัน ที่นอนบนเตียงตลอดเวลา

ครั้งต่อมา ลองไปไกลหน่อยดีกว่า ระยองก็ดี มีหาดสวยหลายหาด มีอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ที่สำคัญ มี "ทุเรียน" ของโปรดของ พ่อกับแม่ด้วย นั่งรถไป ดูสถานที่ต่างๆ ไป ไม่ได้ลงรถตามเคย (ตอนนั้น ไม่มีรถเข็น แบบพับ ใส่รถได้ด้วยซ้ำ) ชายหาดระยอง เจอรถติดอีกแล้ว ไปนั่งในรถ ดูเขาสาดน้ำกัน นั่งเป็นเป้า ให้เขาสาดใส่กระจกรถ ในใจก็นึก..... จะสาดเราให้เปลืองน้ำ ทำไมฟ๊ะ คิดว่าน้ำจะแรงพอทะลุกระจกเลยรึไง หรือเขาเห็นว่า คนอะไร หน้าตอบๆ ขาวๆ แปลกดี หัวก็เกรียนๆ น่าสาดดี(ที่จริงมีรูปอยู่ แต่ไม่กล้าเอาลงครับ กลัวจะขำจนท้องแข็งกัน) เอาซะหน่อยซิ

เป็นแบบนี้ อยู่ทุกๆ ปี จนการพาผมเที่ยวปีละ๒-๓ ครั้ง ในช่วงเทศกาล สงกรานต์บ้าง ปีใหม่บ้าง กลายเป็นกิจกรรมของครอบครัวไป เพียงแต่เปลี่ยนจังหวัดไปเรื่อยๆ ระยอง จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา จนหมดฝั่งนี้ ก็สลับมา ทาง กรุงเทพ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม อยุธยา จนถึงไกลสุด น่าจะเป็นเพชรบุรี

แต่.... รูปแบบก็จะเหมือนกันหมดอย่างที่เล่ามา ไปเช้า เย็นกลับ อุ้มลงบ้าน ขึ้นรถ ไปตามที่ต่างๆ (ที่สำคัญ เสื้อ ผ้า และถุงเท้า แทบไม่เคยเปลี่ยน อีกหลายปี ถึงได้มี กางเกงสแลคใส่กะเขาตัวหนึ่ง)
ถ้าเป็นสถานที่ ที่คนในรถ ลงไปเที่ยวกัน ผมก็ต้อง นั่งเก๊กอยู่(เฝ้า)บนรถ หลายที่ ยังดีครับ ที่มีอะไรให้นั่งมองบ้าง แต่บางทีเขาไปเที่ยวในห้าง ต้องนั่งอยู่บนรถ ในที่จอดรถ น่าเบื่อมาก.....

ที่นำมาเล่าวันนี้...เป็นสงกรานต์ใน อดีต (ก่อน ๕ ปีที่แล้ว) ของตัวเองครับ ปีนี้ ผมต้องอยู่โยงเฝ้าบ้านเป็นเพื่อนพ่อ เนื่องจากมีกิจกรรมรณรงค์ "เมาไม่ขับ" ในช่วงนี้ พอดี

วันนี้ เราย้ายบ้านใหม่ ห้องผมอยู่ชั้นล่าง ไปไหนได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องรอเทศกาล ผมก็ยาวขึ้น เหมือนคนทั่วไปแล้ว หน้าอ้วนขึ้น ไม่ผอมซูบเหมือนแต่ก่อน (แต่ตาตี่ขึ้นนะ สงสัย เพราะอ้วนนี่ละ) มีรถเข็นพับได้ รองเท้า เสื้อผ้า หลายชุด รวมทั้งเสื้อแถม กับกางเกงหูรูดก็ยังใส่อยู่บ้าง (ก็มันใส่ง่ายนี่ ใส่สบายด้วย) ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกบ้านบ่อยๆ ประชุม ไปหาเพื่อน เยี่ยมญาติ ฯลฯ จนรู้สึกว่า...เราก็ไม่ต่างจากคนในสังคม เพียงแต่ต้องใช้รถเข็น ไปไหน มาไหนเท่านั้นเองครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. อย่างนี้ต้องแซวว่า "ขอบคุณ วันสงรานต์ " นะพี่ชัย

    ตอบลบ
  2. พระพุทธองค์ทรงตรัสสั่งสอนใว้ต่อมวลมนุษย์โลก
    พระคุณของพ่อแม่ ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งไดในโลก เปรียบเหมือนพรมของลูกและยิ่งใหญ่กว่าเทพไดไนโลก .. เรื่องต่างในเวปควรเน้นเรื่องดังกล่าว
    นานาสาระในเว็ปของท่านเป็นกุศลของคนพิการและไม่พิการเป็นเรื่องเล่าประสบการณ์ ความรู้ต่างๆ แต่ควรเน้นอย่างยิ่งคือการทำจิต ความกตัญญู ธรรมทานการดำรงชีวิตของคนพิการโดยเน้นการพัฒนาตนเองพึ่งตนเอง ข้อคิดเห็นจาก บ.ก.อาวุโส www.legendnews.net

    ตอบลบ